โขนกลางแปลง
คือ การเล่นโขนบนพื้นดิน ณ กลางสนาม ไม่ต้องสร้างโรงให้เล่น นิยมแสดงตอนยกทัพรบกัน
โขนกลางแปลงได้วิวัฒนาการมาจากการเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์ เรื่องกวนน้ำอมฤต
เรื่องมีอยู่ว่า เทวดาและอสูรใคร่จะเป็นอมตะ จึงไปทูลพระนารายณ์
พระนารายณ์จึงแนะนำให้กวนน้ำอมฤต โดยใช้เขามนทคิรีเป็นไม้กวน เอาพระยาวาสุกรีเป็นเชือกพันรอบเขา
เทวดาชักทางหาง หมุนเขาไปมา พระยาวาสุกรีพ่นพิษออกมา พระนารายณ์เชิญให้พระอิศวรดื่มพิษนั้นเสีย
พระอิศวรจึงมีศอสีนิลเพราะพิษไหม้
ครั้นกวนต่อไป เขามนทคิรีทะลุลงไปใต้โลก
พระนารายณ์จึงอวตารเป็นเต่าไปรองรับเขามนทคิรีไว้
ครั้นได้น้ำอมฤตแล้ว เทวดาและอสูรแย่งชิงน้ำอมฤตกันจนเกิดสงคราม
พระนารายณ์จึงนำน้ำอมฤตไปเสีย พวกอสูรไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตก็ตายในที่รบเป็นอันมาก
เทวดาจึงเป็นใหญ่ในสวรรค์
พระนารายณ์เมื่อได้น้ำอมฤตไปแล้ว ก็แบ่งน้ำอมฤตให้เทวดาและอสูรดื่ม พระนารายณ์แปลงเป็นนางงามรินน้ำอมฤตให้เทวดา
แต่รินน้ำธรรมดาให้อสูร
ฝ่ายราหูเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์แต่ราหูเป็อสูร ราหูเห็นเทวดาสดชื่นแข็งแรงเมื่อได้ดื่มน้ำอมฤต
แต่อสูรยังคงอ่อนเพลียอยู่ เห็นผิดสังเกต จึงแปลงเป็นเทวดาไปปะปนอยู่ในหมู่เทวดา
จึงพลอยได้ดื่มน้ำอมฤตด้วย
พระอาทิตย์และพระจันทร์จึงแอบบอกพระนารายณ์
พระนารายณ์โกรธมากที่ราหูตบตาพระองค์ จึงขว้างจักรไปตัดกลางตัวราหู
ร่างกายท่อนบนได้รับน้ำอมฤตก็เป็นอมตะ แต่ร่างกายท่อนล่างตายไป ราหูจึงเป็นยักษ์มีกายครึ่งท่อน ราหูโกรธและอาฆาตพระอาทิตย์และพระจันทร์มาก
พบที่ไหนก็อมทันที เกิดเป็นราหูอมจันทร์หรือจันทรคราสและสุริยคราส
ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้ามาเทศนาให้ราหูเลิกพยาบาทจองเวร
ราหูจึงได้คลายพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ออก
การเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์
เล่นในพิธีอินทราภิเษก มีปรากฏในกฎมณเฑียรบาลสมัยกรุงศรีอยุธยา โขนกลางแปลงนำวิธีการแสดงคือการจัดกระบวนทัพ
การเต้นประกอบหน้าพาทย์ มาจากการเล่นชักนาคดึกดำบรรพ์
แต่เปลี่ยนมาเล่นเรื่องรามเกียรติ์
และเล่นตอนฝ่ายยักษ์และฝ่ายพระรามยกทัพรบกัน
จึงมีการเต้นประกอบหน้าพาทย์ และอาจมีบทพาทย์และเจรจาบ้างแต่ไม่มีบทร้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น